ฝ่ายปกครองเชียงราย พร้อมตำรวจ บุกจับร้านขายบุหรี่ไฟฟ้ารอบ 2 พบมีการซื้อขายให้เด็กหญิง เด็กชาย ผ่านระบบออนไลน์ โอนเงินผ่านบัญชีหลักฐานชัดเจน
วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 [ 15.10 น.] นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย มอบหมายให้ฝ่ายปกครอง ร่วมกับ ตำรวจ นำโดย นายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงรายที่ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็กและเยาวชน ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ชุดจัดระเบียบสังคมได้เข้าทำการจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ตั้งอยู่ที่ หมู่ 11 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และได้นำส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมาย นั้น
ชุดจัดระเบียบสังคมฯ ได้รับข้อมูลจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ว่าร้านดังกล่าวกลับมาเปิดให้บริการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอีกครั้ง หลังจากถูกจับกุมไปไม่นาน โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเน้นจากส่งของผ่านทางไรเดอร์ แต่ก็ยังคงเปิดหน้าร้านเป็นบางครั้ง ซึ่งพฤติกรรมยังคงพบมีการจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงลูกค้าทั่วไปเหมือนเดิม
เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าวพบว่าร้านมีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าว พบผู้ต้องหา 3 คน แสดงตัวเป็นผู้ดูแล (เป็นบุคคลเดิมที่เคยถูกจับกุมมาแล้ว)
และระหว่างการตรวจสอบภายในร้านอยู่นั้น ได้มีบริษัทขนส่งเอกชน นำบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์มาส่งอีก 2 กล่องใหญ่
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ ยังพบลูกค้าที่ทำการสั่งซื้อบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางระบบออนไลน์ มีคำนำหน้านาม เด็กหญิง เด็กชาย อีกจำนวนมาก
ส่วนการจับกุมครั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในร้านพบบุหรี่ไฟฟ้า พบอุปกรณ์ น้ำยา และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งสินค้าที่ตรวจยึดได้จำแนกเป็น
1. เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 10 เครื่อง
2. หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 247 ชิ้น
3. บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง จำนวน 497 ชิ้น
4. น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 40 ชิ้น
5. คอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 31 ชิ้น
มูลค่าหลายแสนบาท
และจากการตรวจสอบการรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนต่อวันตั้งแต่วันละ 40,000 – 100,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแล ทราบว่าเจ้าของที่แท้จริง จะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขาย จึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาท และระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบจะมีลูกค้ามาใช้บริการตลอดเวลา
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ดูแลทั้ง 3 ราย โดยแจ้งข้อหา
1.ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
2.ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ปราบปรามร้านทั้งเปิดหน้าร้านและขายออนไลน์ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายต่อไป.